ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่รู้จัก Bitcoin (บิทคอยน์) ซึ่งมีโอกาสที่คนเหล่านั้นจะเข้าร่วมในการซื้อขายบิทคอยน์เพิ่มขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ช่วงแรกของการเริ่มต้นการซื้อขาย คุณจะรู้สึกว่าหลังจากคุณซื้อเสร็จ ราคาดูเหมือนจะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว หรือหลังจากที่คุณขายแล้ว ราคาก็ดูเหมือนจะพุ่งสูงขึ้นทันที แล้วเมื่อไรคุณควรซื้อหรือขายบิทคอยน์?
ราคา Bitcoin เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในการซื้อขายบิทคอยน์ในลักษณะของการเกร็งกำไร แบบที่แพล็ตฟอร์มที่จดทะเบียนในประเทศไทยเปิดบริการให้ซื้อขายได้ โดยที่คุณจะถือครองเหรียญบิทคอยน์จริง เมื่อราคาเทียบกับเงินบาทไทยลดลงก็อาจทำให่คุณขาดทุนได้ และหากราคาเมื่อเทียบกับเงินบาทเพิ่มขึ้น คุณก็จะสามารถทำกำไรได้ โดยจุดที่ตัดสินกำไรหรือขาดทุนเป็นจุดที่คุณตัดสินใจขายนั่นเอง
การซื้อขายบิทคอยน์จะคล้ายๆกับการประมูล นั่นคือผู้ซื้อจะเสนอราคาที่ต้องการซื้อ และผู้ขายจะเสนอราคาที่ต้องการขาย โดยหากผู้ซื้อและผู้ขายยอมรับราคาซึ่งกันและกันได้ การซื้อขายก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นในช่วงที่ บิทคอยน์ เป็นที่ต้องการมาก ผู้คนก็จะแย่งกันซื้อ โดยที่ผู้ให้ราคาสูงกว่าจะได้ซื้อก่อนตามลำดับ และอาจเป็นเหตุให้ราคาบิทคอยน์เพิ่มสูงขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากนักลงทุนขาดความมั่นใจกับบิทคอยน์ หรือราคาสูงขึ้นจนสามารถทำกำไรได้มากพอแล้ว ผู้คนก็จะแยกกันขายออก ผู้ที่เสนอราคาขายได้ถูกกว่า จะได้ขายก่อนตามลำดับ ยิ่งนักลงทุนรีบร้อนขายออกเท่าไร ก็ยิ่งปรับราคาลดลงมากเท่านั้นเพื่อให้ได้ขายก่อน จึงอาจทำให้ราคา บิทคอยน์ ปรับลดลงตามที่เห็นกันมาแล้ว
เมื่อไรควรซื้อ-ขาย บิทคอยน์ ?
คุณควรเข้าซื้อบิทคอยน์เมื่อเห็นสัญญาณสิ้นสุดของเทรนด์ขาลง สิ่งสำคัญคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรจะสิ้นสุดเทรนด์ขาลง? การสิ้นสุดขาลงคือการที่นักลงทุนส่วนใหญ่ขายเหรียญบิทคอยน์มากพอแล้ว เหมือนกับว่าคนขายไม่ค่อยมีแล้ว และคนที่ขายแล้วเหล่านั้นก็กลับมาเป็นคนซื้อ แล้วก็วนกลับไปที่เดิมคือ คนต้องการซื้อมากขึ้นราคาก็จะเพิ่มขึ้นเพราะคนแย่งกันซื้อ
ช่วงเวลาที่ควรขาย บิทคอยน์ คือเมื่อสิ้นสุดสัญญาณเทรดขึ้น ภาวะสิ้นสุดเทรนด์ขาขึ้น นั่นคือนักลงทุนส่วนใหญ่เข้าซื้อบิทคอยน์มากพอแล้ว อัตราคนซื้อจึงมีแนวโน้มน้อยกว่าคนขาย และคนที่ซื้อไว้แล้วก็จะกลับมาเป็นคนขายนั่นเอง เมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการขายบิทคอยน์ที่ถืออยุ่เพื่อทำกำไร ก็จะแย่งกันขาย เกิดการประมูลราคาที่ลดราคาลงเรื่อยๆ ทำให้ราคาบิทคอยน์ลดลงได้
เมื่อเราไม่รู้จักนักลงทุนเป็นการส่วนตัว และไม่รู้ข้อมูลว่ามีจำนวนนักลงทุนที่ต้องการขายและต้องการซื้อมากเท่าไร สิ่งหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นได้คือตัวบ่งชี้ (indicator) กราฟ และแท่งเทียน ที่บันทึกความเคลื่อนไหวของราคาเป็นลักษณะต่างๆ
หรือกล่าวได้ว่าตัวบ่งชี้ กราฟ และแท่งเทียน เป็นการแสดงผลราคาที่การซื้อขายในช่วงระยะเวลาเหล่านั้น และการซื้อขายก็เกิดจากตัวนักลงทุน ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนคิดและพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนจึงเป็นสิ่งที่ควรเข้าใจ ซึ่งถูกสรุปออกมาในรูปแบบสูตรหรือเทคนิคการซื้อขาย (เทรด)
สูตรการเทรด บิทคอยน์ และ Forex เหมือนกันไหม?
บิทคอยน์ คือสกุลเงินดิจิตอล ส่วน ฟอเร็ก คือ การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (Foreign Exchange) หลักการคิดง่ายมาก! หากการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหล่านั้นกระทำโดยมนุษย์เหมือนกัน หลักการเคลื่อนไหวของราคาจะมาจากพฤติกรรมและความคิดของมนุษย์เช่นเดียวกัน
ทำไมราคาของสินทรัพย์ทุกอย่างจึงเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆ เสมือนการเคลื่อนที่ของคลื่น? ทุกคำถามตอบได้ด้วยจิตวิทยาการเทรด นักลงทุนจะขายทำกำไร หรือขายเพื่อไม่ต้องขาดทุนไม่มากกว่านั้น แล้วกลับมาซื้อซ้ำเพื่อเกร็งกำไร วนอยู่เช่นนี้ ดังนั้นจึงเกิดพฤติกรรมคลื่นราคา จุดต่ำ จุดสูง และการขึ้นลงของกราฟ
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว คุณจะเข้าใจโดยอัตโนมัติว่า สูตรและเทคนิคการเทรดหรือการซื้อขาย บิทคอยน์ และ Forex จึงใช้เหมือนกัน นอกจากนี้การซื้อขาย บิทคอน-ยน์ ยังสามารถทำได้ในลักษณะเดียวกับ Forex อีกด้วย คือการซื้อขายสัญญาณราคาบิทคอยน์ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งในขาขึ้นและขาลงเช่นเดียวกับการเทรด Forex
สูตรการเทรด บิทคอยน์ และ ฟอเร็ก ที่น่าสนใจ
เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางของราคาแต่ละชนิด สามารถตั้งค่าการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้เกิดเป็นสูตรการเทรดโดยการตั้งค่าและใช้งานเครื่องวิเคราะห์กราฟเหล่านั้น มาดูสูตรการเทรดที่น่าสนใจกันเลย!
1. สูตรการเทรด โดยใช้ ตัวบ่งชี้ RSI
เป็นการเทรดลงที่จุด Overbought (จุดที่กราฟขึ้นไปเหนือเส้นแดง แล้วเริ่มลงมาตัดเส้นแดงอีก) และการเทรดขึ้นที่จุด Oversold (จุดที่กราฟลงไปใต้เส้นสีเขียวแล้วกำลังตัดกลับขึ้นมา)
2. รูปแบบแท่งเทียนและการเกิดราคา (พื้นฐานสูตรการเทรด)
หากคุณไม่มั่นใจว่าจะสามารถจดจำรูปแบบแท่งเทียนทั้งหมด ที่เป็นสัญญาณของการเปิดเทรดทั้งขาขึ้นและขาลง คุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF เอาไว้เปิดดูประกอบในขณะเทรดได้
3. วิธีการเทรดเมื่อเกิดแท่งเทียนที่ไม่มีเนื้อเทียน
แท่งเทียนที่ไม่มีไส้เทียน อาจเรียกอีกอย่างว่า doji (โดจิ) ในช่วงเวลาที่เกิดแท่งโดจินี้ เป็นช่วงที่ผู้ซื้อและผู้ขายเสนอราคาเชือดเฉือนกันอยู่ในบริเวณราคาใดราคาหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะเสนอราคาต่ำหรือสูงเท่าไรก็กลับมาที่ราคาเริ่มต้น แต่ถึงอย่างไรก็มีวิธีเทรดทำกำไรในสถานการณ์นี้ได้
4. การเทรดตามกระแส (ตามเทรนด์)
ในช่วงที่นักเทรดหรือนักลงทุนส่วนใหญ่ทำการซื้อหรือขายไปในทางเดียวกัน จะเกิดเป็นเทรนด์หรือแนวโน้ม คุณจึงต้องเรียนรู้ว่าในขณะที่เกิดเทรนด์ขาขึ้นหรือขาลง ควรจะเข้าเทรดเมื่อไรและอย่างไร
5. เทคนิคการเทรดในทิศทางตรงข้ามกับคนส่วนมาก
ขณะที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เข้าซื้อเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง และคุณมีเหรียญ Bitcoin อยู่ คุณจะใช้หลักการสวนเทรนด์ในการเลือกจุดที่คุณควรขาย
6. ใช้ SMA วิเคราะห์เพื่อตัดสินใจเทรด
ตัวบ่งชี้ SMA: Simple Moving Average แสดงค่าเฉลี่ยนของการเคลื่อนไหวของราคา เมื่อแท่งเทียนปิดข้างบนหรือข้างล่างเส้น SMA ก็สามารถบอกเราได้ว่าควรซื้อหรือขาย
7. ใช้เส้น EMA สามเส้นช่วยวิเคราะห์
การเทรดด้วยเทคนิคการใช้เส้น EMA: Exponential Moving Average เป็นการแสดงค่าเฉลี่ยของราคาโดยใช้หลัก เอ็กซ์โพเนนเชียล สามารถเลือกตั้งค่าทั้ง 2 เส้นเป็น 5, 20, 100 หรือ 7, 25, 200 และพิจารณาซื้อหรือขายเมื่อเกิดสัญญาณ
8. สูตร Pivot Points
หากคุณชื่นชอบและไว้ใจเรื่องการคำนวณ คุณอาจอยากใช้สูตรเทรด Pivot Points สามารถคำนวณได้ดังนี้ Pivot Point (PP) = (ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด) /3 แนะนำให้ศึกษารายละเอียดการคำนวณ Pivot Point ในกราฟจริง
9. สูตรจุดไข่ปลา Parabolic (พาราโบลิก)
ตัวบ่งชี้ พาราโบลิก มีลักษณะเป็นจุดๆอยู่ข้างบนหรือข้างล่างแท่งเทียน การเปลี่ยนตำแหน่งของจุด พาราโบลิก ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อหรือขายได้
10. ตัดสินใจซื้อขาย Bitcoin จากการดู แนวต้าน-แนวรับ
การเคลื่อนไหวของราคามราอยู่ในช่วงแนวต้านและแนวรับ ช่วยคุณตัดสินใจซื้อขายในระยะสั้นได้ หรือคุณจะพิจารณาซื้อหรือขายเมื่อเกิดการทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านด้วย
สรุป
การเทรด Bitcoin สามารถใช้สูตรการเทรดเดียวกันกับ Forex ได้ ซึ่งนอกจาก 10 เทคนิคการเทรดที่กล่าวมาในบทความนี้แล้ว ยังมีสูตรการเทรดอีกมากมายให้นักลงทุนเลือกศึกษาตามความถนัดของตัวเองได้เลย!
**การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดระมัดระวังในการลงทุน และลงทุนด้วยความไม่ประมาท**
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจolymptrade